ใบย่านางสมุนไพรมีคลอโรฟิลล์จากธรรมชาติช่วยชะลอ
ความ แก่ชราได้
ใบย่านาง
สรรพคุณนั้นมีหลากหลาย เพราะเป็นสมุนไพรเย็น มีคลอโรฟิลล์สดจากธรรมชาติ และยังมีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย
เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีนในปริมาณค่อนข้างสูง โดยเป็นสมุนไพรที่ใครหลาย ๆ คนต่างก็คุ้นเคยกันดี
เพราะนิยมนำมาเป็นเครื่องปรุงรสช่วยเพิ่มความกลมกล่อมของอาหาร เช่น แกงหน่อไม้ ซุปหน่อไม้ แกงเลียง แกงหวาน เป็นต้น

สรรพคุณใบย่านาง
ใบย่านาง ในตำราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก จึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผลช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกายช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกายช่วยฟื้นฟูเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย
ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกายเป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย
ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงานช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เย็นเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นมะเร็งอย่างมากหากดื่มน้ำใบย่านางเป็นประจำ ก้อนมะเร็งจะฝ่อและเล็กลง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูงช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจช่วยในการบำรุงรักษาตับและไต
ช่วยรักษาและบำบัดอาการอัมพฤกษ์ช่วยแก้อาการอ่อนล้า อ่อนเพลียของร่างกายที่แม้นอนพักก็ไม่หาย
ช่วยรักษาอาการเกร็ง ชัก หรือเป็นตะคริวบ่อย ๆช่วยแก้อาการเจ็บเหมือนมีไฟช็อต หรือมีเข็มแทง หรือมีอาการร้อนเหมือนไฟ
ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นเลือดฝอยในร่างกายแตกใต้ผิวหนังได้ง่ายช่วยรักษาอาการตกกระที่ผิวเป็นจ้ำ ๆ สีน้ำตาลตามร่างกาย
ช่วยรักษาเนื้องอกช่วยรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียนได้
ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ ไอจาม มีน้ำมูก และเสมหะรากแห้งใช้ในการแก้ไข้ทุกชนิดและลดความร้อนในร่างกาย
รากของย่านางสามารถแก้ไข้ได้ทุกชนิด ทั้งไข้พิษ ไข้หัด ไข้เหนือ ไข้ผิดสำแดง เป็นต้น
เถาย่านางมีส่วนช่วยในการลดความร้อนและแก้พิษตานซางมีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อมาลาเรีย
ช่วยรักษาอาการร้อนแต่ไม่มีเหงื่อช่วยรักษาอาการของโรคเบาหวาน ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
มีส่วนช่วยอาการปวดตึง ปวดตามกล้ามเนื้อ ปวดชาบริเวณต่าง ๆช่วยรักษาโรคภูมิแพ้รากของย่านางช่วยแก้อาการเบื่อเมา
ช่วยแก้อาการเหงือกอักเสบอย่างรุนแรงและเรื้อรังช่วยแก้อาการง่วงนอนหลังการรับประทานอาหาร
ช่วยแก้อาการเลือดกำเดาไหลช่วยในการบำรุงสายตาและรักษาโรคเกี่ยวกับตา เช่น ตาแดง ตาแห้ง ตามัว แสบตา ปวดตา ตาลาย เป็นต้น
ช่วยรักษาอาการปากคอแห้ง ริมฝีปากแตกหรือลอกเป็นขุยช่วยแก้ปัญหาเรื่องเสมหะเหนียวข้น ขาวขุ่น มีสีเหลืองหรือเขียว หรืออาการเสมหะพันคอช่วยบำบัดอาการของโรคไซนัสอักเสบช่วยลดอาการนอนกรนช่วยแก้อาการเจ็บปลายลิ้น
ช่วยป้องกันและบำบัดรักษาโรคหัวใจช่วยป้องกันและรักษาโรคหอบหืดช่วยรักษาโรคตับอักเสบ
ช่วยรักษาอาการท้องเสีย เพราะช่วยฆ่าเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุได้ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดท้องเฉียบพลันช่วยแก้อาการท้องผูก ลดอาการแสบท้องช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบช่วยลดอาการหดเกร็งตามลำไส้ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อน
ช่วยรักษาไทรอยด์เป็นพิษช่วยรักษาโรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ นิ่วในถุงน้ำดี
ช่วยรักษาอาการปัสสาวะแสบขัด ออกร้อนในทางเดินปัสสาวะช่วยแก้อาการปัสสาวะมีสีเข้ม ปัสสาวะบ่อย หรือมีอาการปัสสาวะออกมาเป็นเลือดช่วยรักษาอาการมดลูกโต อาการปวดมดลูก ตกเลือดได้
ช่วยบำบัดรักษาโรคต่อมลูกหมากโตช่วยป้องกันโรคไส้เลื่อนช่วยในการรักษาโรคเริม งูสวัด
ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารช่วยรักษาอาการตกขาวช่วยป้องกันการเกิดโรคเกาต์
ช่วยแก้พิษจากแมลงสัตว์กัดต่อยช่วยรักษาอาการผิวหนังมีความผิดปกติคล้ายรอยไหม้น้ำย่านางเมื่อนำมาผสมกับดินสอพองหรือปูนเคี้ยวหมากผสมจนเหลว สามารถนำมาทา สิว ฝ้า ตุ่มคัน ตุ่มใส ผื่นคัน พอกฝีหนองได้อีกด้วย
ช่วยป้องกันและรักษาอาการส้นเท้าแตก เจ็บส้นเท้า
ช่วยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าผุ โดยรักษาอาการเล็บมือเล็บเท้าขวางสั้น ผุ ฉีกง่าย หรือในเล็บมีสีน้ำตาลดำคล้ำ อาการอักเสบที่โคนเล็บสำหรับประโยชน์ของใบย่านางด้านอื่น ๆ เช่น การนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ยกตัวอย่าง ใบย่านางแคปซูล สบู่ใบย่านาง แชมพูใบย่านาง เครื่องดื่มสมุนไพร เป็นต้นแชมพูสระผมจากใบย่านาง ช่วยให้ผมดกดำ ชะลอการเกิดผมหงอก

วิธีทำน้ำใบย่านาง
อย่างแรกคือการเตรียมส่วนประกอบคือ ใบย่านาง 10-20 ใบ(ตามความเข้มข้นที่ต้องการ)ใบเตย 3 ใบบัวบก 1 กำมือหญ้าปักกิ่ง 3-5 ต้นใบอ่อนเบญจรงค์ 1 กำมือใบเสลดพังพอน 1 กำมือว่านกาบหอย 5 ใบจะใช้หลายอย่างรวมกันก็ได้หรือจะแค่ใบย่านางอย่างเดียวก็ได้ตามแต่สะดวก)นำใบสมุนไพรต่าง ๆ ที่เตรียมมาตัดให้เป็นชิ้นเล็ก
นำใบไปโขลกหรือนำไปปั่นด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียดจนเป็นน้ำ (ปั่นประมาณ 30 วินาทีเพื่อคงคุณค่าของสมุนไพรให้มากที่สุด)
เสร็จแล้วนำมากรองผ่านผ้าขาวบางหรือกระชอนอีกที
เสร็จแล้วน้ำย่านาง
คำแนะนำ
สำหรับบางคนที่รู้สึกว่ากินยาก เหม็นเขียว กินแล้วรู้สึกไม่สบายก็สามารถนำน้ำย่านางไปต้มให้เดือดแล้วนำมาดื่มหรือจะผสมกับน้ำสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ก็ได้ เช่น ขิง ตะไคร้ ขมิ้น หรือจะผสมกับน้ำมะพร้าว น้ำมะนาว น้ำตาล หรือแม้แต่น้ำเฮลส์บลูบอยก็ได้เช่นกัน
ควรดื่มน้ำย่านางสด ๆ ก่อนอาหารหรือตอนท้องว่างประมาณครึ่งแก้ว 3 ครั้งต่อวัน
ควรดื่มแต่พอดี หากดื่มแล้วรู้สึกแพ้ พะอืดพะอม ก็ควรลดความเข้มข้นของสมุนไพรที่ใส่ลงไปให้น้อยลงอีกจนเหมาะสมกับเรา
เมื่อทำเสร็จแล้วควรดื่มทันที เพราะถ้าทิ้งไว้นานเกินไปจะเกิดกลิ่นเหม็นเปรี้ยวได้ แต่สามารถนำมาแช่ตู้เย็นได้ และควรดื่มภายใน 3 วันการพึ่งแต่สมุนไพรอย่างเดียวอาจจะไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ดังนั้นควรทำอย่างอื่นเสริมไปด้วยจะช่วยให้มีประสิทธิภาพในการรักษามากยิ่งขึ้น
แหล่งอ้างอิง : หมอเขียว ใจเพชร กล้าจน
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์เมดไทย (Medthai)