เทคนิควิธีปลูกฟ้าทะลายโจร โตเร็ว ปลูกง่าย ขายก็ดี สมุนไพรไทยสรรพคุณยอดเยี่ยม

เทคนิควิธีปลูกฟ้าทะลายโจร โตเร็ว ปลูกง่าย ขายก็ดี สมุนไพรไทยสรรพคุณยอดเยี่ยม

วิธีปลูกฟ้าทะลายโจรสมุนไพรไทยสรรพคุณดีที่น่าจับตามองปลูกลงกระถางก็ดี หรือปลูกแบบแปลงไว้ขายสร้างรายได้ก็ได้
ฟ้าทะลายโจร กลายเป็นสมุนไพรไทยที่น่าจับตามองอีกหนึ่งชนิดหลังการระบาดของโรค COVID-19แม้ตอนนี้ผลของการป้องกันและรักษาโควิด 19 ด้วยฟ้าทะลายโจรยังไม่ชัดเจนนัก เนื่องจากเป็นโรคที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่และต้องรอการวิจัยผลในคนเพิ่มเติม แต่ก็ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการรักษาอาการป่วยอื่น ๆได้หลากหลายทีเดียวทั้งช่วยรักษาไข้หวัดต้านไวรัสระงับอาการอักเสบ แก้อาการติดเชื้อช่วยบรรเทาโรคท้องเสียอาหารเป็นพิษและเบาหวาน

สภาพอากาศ

ต้นฟ้าทะลายโจร เจริญเติบโตได้ดีในที่อากาศร้อนชื้นอุณหภูมิประมาณ 25-30องศาเซลเซียส ควรปลูกไว้บริเวณที่มีแสงแดดรำไร ไม่มีลมพัดแรงหากต้องปลูกกลางแจ้งควรทำแนวบังลมและกันแดด ในช่วงที่มีแดดจัดควรให้น้ำเพิ่มเป็นพิเศษเพราะเป็นพืชที่ชอบน้ำต้องให้น้ำเพียงพอตลอดฤดูเพื่อรักษาผลผลิตและปริมาณสารสำคัญให้คงที่

สภาพดิน

ดินที่เหมาะกับการปลูกฟ้าทะลายโจร ควรเป็นดินร่วนซุยที่สามารถระบายน้ำได้ดีไม่ท่วมขังหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่เป็นดินเหนียวหรือดินทราย ค่า pH หรือค่าความเป็นกรดด่างประมาณ5-5.8และมีอินทรียวัตถุไม่น้อยกว่า3.5%
การปลูกฟ้าทะลายโจรในกระถางสามารถปลูกได้2 วิธีคือปลูกด้วยเมล็ดและปลูกจากต้นกล้าโดยมีขั้นตอนดังนี้

นำเมล็ดจากฝักแก่ที่มีสีน้ำตาลแดงโรยในดินแล้วกลบด้วยดินอีกชั้นบาง ๆ หากใช้ต้นกล้าควรเลือกต้นกล้าฟ้าทะลายโจรที่มีอายุเกิน 30 วันมาปลูกลงดินวางกระถางในที่มีแสงแดดรำไร รดน้ำให้เพียงพอและสม่ำเสมอหากปลูกที่มีแดดจัดควรรดน้ำเพิ่ม
ทั้งนี้ จะเริ่มเก็บใบได้เมื่อต้นมีอายุประมาณ 3-6 เดือน เป็นช่วงที่มีสารสำคัญเยอะที่สุดสามารถนำไปตากแห้งและเก็บได้นาน 1 ปี วิธีเก็บคือตัดยอดอ่อน 1 ฝ่ามือแล้วเหลือตอไว้รอประมาณ 1-3 เดือนก็จะเริ่มออกดอกอีกครั้งและเมื่อดอกเริ่มบานก็สามารถเก็บใบมาใช้ประโยชน์ได้อีกรอบฟ้าทะลายโจร 1 ต้นสามารถเก็บมาทำยาได้ 2-4 ครั้ง

การปลูกฟ้าทะลายโจรขายโดยปลูกฟ้าทะลายโจรเป็นแปลงใหญ่ ๆ ใช้เวลาประมาณ 150 วันแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้

การเตรียมดินและคัดเมล็ดพันธุ์

ดิน : หากมีวัชพืชมากควรไถพรวนดินก่อน 2 รอบ แล้วตากดินให้แห้ง 2 สัปดาห์ จากนั้นค่อยใส่ปุ๋ยอิทรีย์รองพื้นก่อนทำแปลงและบำรุงดิน หากพื้นที่ปลูกไม่มีวัชพืชมากสามารถใส่ปุ๋ยได้เลย
เมล็ดพันธุ์ : เลือกเมล็ดจากฝักแก่จัดที่สีน้ำตาลแดง เมล็ดที่ดีควรมีเมล็ดสมบูรณ์ไม่มีโรคหรือแมลงเจาะ จากนั้นนำมาแช่น้ำที่อุณหภูมิห้อง ทิ้งไว้ประมาณ 6-12 ชั่วโมง
แปลงปลูก : ยกแปลงปลูกสูง 15-20 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 3-5 เมตร (หรือปรับขนาดตามสภาพพื้นที่) บำรุงด้วยปุ๋ยอินทรีย์ ถ่านไบโอชาร์ และรดน้ำ ทิ้งไว้อย่างน้อย 30-45 วัน ก่อนปลูก

วิธีปลูกขาย

สามารถปลูกด้วยเมล็ดหรือต้นกล้ามี 4 วิธีคือนำเมล็ดผสมทรายหยาบอัตรา 1:1-2 ส่วนแล้วหว่านในแปลงปลูก
โรยเมล็ดเป็นแถวแนวขวางแต่ละแถวห่างกันประมาณ 50 เซนติเมตร แล้วกลบด้วยดินบาง ๆ
เพาะต้นกล้าในถาดเพาะแล้วย้ายกล้ามาปลูกในแปลงเมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 30วัน
เพาะต้นกล้าในแปลงการเตรียมแปลงเพาะต้นกล้าใช้วิธีเดียวกับการทำแปลงปลูกโดยรองพื้นด้วยปุ๋ยอินทรีย์ประมาณ 0.5-1 กิโลกรัมต่อพื้นที่ 1ตารางเมตร

การให้น้ำควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอและพอเพียงตั้งแต่ปลูกจนถึงช่วงเก็บเกี่ยวในช่วงที่มีแดดจัดหรือหน้าร้อนควรรดน้ำ 2 ครั้งต่อวัน ทั้งเช้าและเย็นหากมีแดดไม่จัดมาก รดน้ำวันละครั้งเฉพาะช่วงเย็นก็ได้เมื่อต้นอายุประมาณ 2 เดือนสามารถลดการให้น้ำได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม

การใส่ปุ๋ยและกำจัดวัชพืช

ช่วงเตรียมดินย้ายต้นกล้าให้ใส่ปุ๋ยอินทรีย์เล็กน้อย หลังจาก 15 วันใส่ปุ๋ยอินทรีย์รอบที่ 2 หว่านกระจายให้ทั่วแปลงนอกจากนี้ควรหมั่นกำจัดวัชพืชทุก ๆครึ่งเดือนและระวังหอยทากกับโรคต่าง ๆ เช่นโรคโคนเน่า-รากเน่าจากเชื้อราหากพบให้ถอนทิ้งและทำลายทันที

การเก็บเกี่ยว

ควรเก็บเกี่ยวช่วงเริ่มออกดอก-ดอกบานเพราะเป็นช่วงที่มีสารสำคัญมากที่สุดหากเก็บหลังช่วงนี้สารสำคัญจะลดลงโดยตัดเหนือดินห่างจากโคนประมาณ 5-10 เซนติเมตรจากนั้นนำมาคัดแยกวัชพืชออกล้างด้วยน้ำสะอาดตัดเป็นท่อนประมาณ 2-3 เซนติเมตรแล้วผึ่งให้แห้งหรืออบด้วยเครื่องอบแห้งแบบลมร้อนผลผลิตสดเฉลี่ย 2,000-3,000กิโลกรัมต่อไร่มีสัดส่วนผลผลิตสดต่อผลผลิตแห้งอัตรา 4:1 กิโลกรัมส่วนราคาหลังแปรรูปอยู่ที่ประมาณ200 บาทต่อกิโลกรัม

ต้นฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรน่าปลูกไม่น้อยเลยทีเดียว อีกทั้งยังดูแลง่าย สรรพคุณก็เยอะ สามารถปลูกได้ทั้งเมล็ดและต้นกล้า ใครอยากทดลองปลูกก่อนนำไปขายก็สามารถนำวิธีข้างต้นไปปลูกลงกระถางหรือปลูกในสวนของตัวเองกันก่อนได้นะคะ

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการเกษตร, สำนักงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ, สถาบันวิจัยและพัฒนาแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และมูลนิธิสายใยแผ่นดิน

Related posts

Leave a Comment